โรงงานเดิม “กำลังการผลิตไม่เพียงพอ” ปัญหาใหญ่ที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ควรย้ายโรงงาน เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบสินค้า การสังเกตสัญญาณตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ตัดสินใจย้ายโรงงานได้ทันเวลา บทความนี้จึงจะแนะนำสัญญาณและแนวทางจัดการ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุดในอนาคต
กำลังการผลิตไม่เพียงพอ คืออะไร ?
กำลังการผลิตไม่เพียงพอ (Insufficient Production Capacity) คือ สถานการณ์ที่โรงงานเดิมไม่สามารถผลิตสินค้าหรือบริการได้เพียงพอต่อความต้องการของแบรนด์ ซึ่งการที่กำลังการผลิตไม่เพียงพอเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยการที่กำลังการผลิตไม่เพียงพอจะส่งผลเสียต่อธุรกิจในหลายด้านอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ
สาเหตุที่ทำให้โรงงานเดิมกำลังการผลิตไม่เพียงพอ สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ มีดังนี้
1.เครื่องจักรหรืออุปกรณ์มีประสิทธิภาพต่ำ
โรงงานที่มีเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ ส่งผลให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อกำลังการผลิตของโรงงานในหลายด้าน ดังนี้
- ส่งผลให้ความเร็วในการผลิตลดลง เนื่องจากเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพหรือไม่ทันสมัยมักทำงานได้ช้ากว่าที่ควร ทำให้เกิดการผลิตสินค้าได้น้อยลงในแต่ละรอบการผลิต
- ส่งผลให้ความแม่นยำและคุณภาพลดลง เนื่องจากเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพอาจทำให้สินค้ามีโอกาสผิดพลาดสูงขึ้น จึงทำให้อาจต้องเสียเวลาในการแก้ไขหรือผลิตซ้ำ ส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงได้
- เสี่ยงต่อการชำรุดและหยุดทำงานได้ เนื่องจากมีโอกาสชำรุดบ่อย จึงมีโอกาสในการหยุดซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการผลิตล่าช้าลงได้
- เสี่ยงต่อการทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นได้ เนื่องจากมีเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำมีต้นทุนในการบำรุงและซ่อมแซมสูง
- มีข้อจำกัดในการขยายหรือปรับปรุงกำลังการผลิต เนื่องจากเครื่องจักรที่ไม่ทันสมัยมักไม่รองรับเทคโนโลยีหรือกระบวนการผลิตใหม่ ๆ
2.แรงงานไม่เพียงพอหรือขาดทักษะ
โรงงานที่มีแรงงานที่ไม่เพียงพอหรือขาดทักษะ มีผลต่อประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตของโรงงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- ส่งผลให้การผลิตล่าช้า เนื่องจากพนักงานไม่เพียงพอหรือมีความเชี่ยวชาญน้อย ทำให้กระบวนการผลิตต้องใช้เวลานานมากขึ้น
- ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าลดลงได้ เนื่องจากพนักงานที่ไม่มีทักษะที่เพียงพอ อาจทำให้มีโอกาสในการทำงานผิดพลาดมากขึ้น ส่งผลให้สินค้ามีคุณภาพไม่สม่ำเสมอหรือเสี่ยงต่อการมีข้อบกพร่องได้
- อาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหากโรงงานที่คุณผลิตมีแรงงานไม่เพียงพอ อาจต้องจ้างพนักงานเพิ่มชั่วคราว หรือต้องฝึกอบรมใหม่ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นได้
- มักส่งผลต่อการขยายกำลังการผลิต เนื่องจากโรงงานไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้เต็มที่ อีกทั้งยังไม่สามารถเปิดสายการผลิตใหม่ได้ทันความต้องการตลาด ทำให้พลาดโอกาสทางธุรกิจและส่งผลต่อรายได้
3.วัตถุดิบหรือซัพพลายไม่เพียงพอ
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีวัตถุดิบหรือซัพพลายไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการผลิตของโรงงานอย่างมาก เนื่องจากการที่วัตถุดิบขาดแคลนหรือมาถึงล่าช้า จะทำให้กระบวนการผลิตจะต้องหยุดชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามกำหนดเวลาที่ต้องการได้ ซึ่งถ้าหากต้องใช้วัตถุดิบสำรองที่มีคุณภาพต่ำกว่า อาจทำให้สินค้ามีคุณภาพไม่สม่ำเสมอหรือต่ำกว่ามาตรฐานได้
4.กระบวนการผลิตมีข้อจำกัด
โรงงานที่มีกระบวนการผลิตที่มีข้อจำกัด จะทำให้โรงงานไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามความต้องการของตลาดทำให้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนสินค้าที่ผลิตได้ นอกจากนี้อาจต้องทำกระบวนการผลิตล่าช้าและไม่ยืดหยุ่นต่อการปรับตัวได้
5.การวางแผนและบริหารจัดการไม่ดี
โรงงานที่ไม่มีการวางแผนและบริหารจัดการที่ดี เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ เนื่องจากการผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีการจัดตารางการผลิตไม่เหมาะสมส่งผลในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทำให้การผลิตสะดุด ทำงานล่าช้า ต้นทุนเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพลดลง และทำให้โรงงานเสียเปรียบในการแข่งขันในอนาคตได้
6.ปัญหาภายนอกอื่น ๆ
ปัญหาภายนอกอื่น ๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ความต้องการสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้โรงงานมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอได้เช่นกัน
กำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอถือเป็นปัญหาที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจ โดยการทำความเข้าใจสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนแก้ไข หรือย้ายโรงงานผลิตใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4 สัญญาณเตือนว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ
เมื่อความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอของโรงงานเดิมที่คุณผลิตอยู่ไม่เพียงพอ อาจเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่บอกว่าคุณควรต้องย้ายโรงงานใหม่ โดย 4 สัญญาณเตือนที่แสดงว่าโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ มีดังนี้
- การส่งมอบล่าช้า
หากโรงงานเดิมของคุณเริ่มมีการส่งมอบสินค้าไม่ตรงเวลา ล่าช้า ถือเป็นอีกสัญญาณที่กำลังบอกว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ ซึ่งการส่งมอบล่าช้าอาจทำให้คุณเสียโอกาสในการจำหน่ายต่อ และลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์ลงได้หากเกิดปัญหาส่งมอบล่าช้าซ้ำๆ
- ออร์เดอร์ค้างจำนวนมาก
หากโรงงานเดิมของคุณมีการค้างคำสั่งซื้อ อาจแสดงถึงว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้เกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ในอนาคตได้
- คุณภาพสินค้าลดลง
หากโรงงานเดิมของคุณมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ โรงงานอาจต้องเร่งการผลิตเกินขีดจำกัดความสามารถของโรงงาน ทำให้คุณภาพของสินค้าลดลงได้ จากการตรวจสอบคุณภาพไม่ทั่วถึง ใช้วัตถุดิบที่ไม่เหมาะสม เมื่อคุณภาพของสินค้าลดลงมักส่งผลต่อความเชื่อมันและการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า
- ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
สัญญาณที่โรงงานเดิมของคุณมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ คือต้นทุนการผลิตบางอย่างเริ่มสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรบ่อยขึ้น , การซื้อวัตถุดิบแบบเร่งด่วน หรือเสียโอกาสจากต้นทุนแฝงต่าง ๆ
หากพบสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ในโรงงานผลิตเดิม ผู้ประกอบการควรเร่งประเมินและวางแผนปรับปรุงการผลิตใหม่ หรือเตรียมตัวย้ายโรงงานใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาการผลิตล่าช้าลุกลามจนกระทบต่อความมั่นใจของลูกค้า
กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร ?
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอส่งผลต่อธุรกิจในหลายด้าน ตั้งแต่การเงิน ความสัมพันธ์ของแบรนด์กับลูกค้า ไปจนถึงความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของธุรกิจได้ โดยอธิบายผลกระทบที่อาจเกิดได้อย่างละเอียดได้ ดังนี้
- สูญเสียความเชื่อมั่นของลูกค้า
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จะทำให้การส่งมอบล่าช้าหรือสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ จนส่งผลให้ลูกค้าอาจเลือกไปใช้สินค้าจากคู่แข่งที่สามารถตอบสนองได้ดีกว่า
- โอกาสทางการตลาดของธุรกิจลดลง
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จะทำให้แบรนด์ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเสียโอกาสในการขยายตลาดหรือปิดการชาย ส่งผลให้รายได้และการเติบโตติดขัดได้
- ต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ มักทำให้เกิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินจนทำให้ต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น
- คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดการเร่งการผลิตเกินขีดความสามารถของระบบ ทำให้มาตรฐานของคุณภาพลดลง ส่งผลให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดโดยมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ
- กระทบภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขัน
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอแล้วฝืนต่อไป จะทำให้เกิดปัญหาซ้ำ ๆ ทำให้แบรนด์ของคุณจะถูกมองถึงภาพลักษณ์ว่าไม่มีศักยภาพเพียงพอ ปัญหาเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจเสียเปรียบทางการแข่งขันในระยะยาวได้
การผลิตสินค้ากับโรงงานที่มีกำลังการผลิตไม่เพียงพอไม่ได้เป็นปัญหาเพียงแค่ในโรงงานการผลิต แต่ส่งผลโดยตรงกับธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งถ้าหากปล่อยให้เกิดปัญหากำลังการผลิตไม่เพียงพอสะสมยาวนาน จะส่งผลเสียต่อธุรกิจในระยะยาวได้
ทำไมควรย้ายโรงงานใหม่ เมื่อกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
เมื่อกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์ได้แล้ว การย้ายโรงงานใหม่อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงได้ในหลายด้าน โดยเหตุผลที่ควรย้ายโรงงานใหม่เมื่อเกิดปัญหาโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ มีดังนี้
- รองรับความต้องการตลาดที่เติบโต
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไปยังโรงงานที่มีศักยภาพในการผลิตและมีสถานที่ที่ใหญ่กว่า จะช่วยให้ธุรกิจสามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอ สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ และลดโอกาสในการพลาดการเติบโตในอนาคตได้
- ลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไปยังโรงงานที่มีระบบการผลิตที่ทันสมัย ใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยลงได้ และช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
- ยกระดับคุณภาพสินค้า
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีใหม่และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากขึ้น จะทำให้โรงงานใหม่สามารถควบคุมมาตรฐานการผลิตได้ดีกว่า และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและโลจิสติกส์
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไปยังโรงงานที่มีการบริหารจัดการวัตถุดิบและมีทำเลที่เหมาะสม จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งได้
- เสริมสร้างภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขัน
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จะช่วยให้สินค้าถูกผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ทำให้ลูกค้ามองภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในทางที่ดี อีกทั้งยังทำให้แบรนด์พร้อมแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การย้ายโรงงานใหม่จะช่วยให้ธุรกิจรองรับความต้องการในอนาคต ลดต้นทุน ควบคุมคุณภาพ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกว่าเดิม ผู้ประกอบการจึงควรพิจารณาการย้ายโรงงานใหม่ หากโรงงานเดิมเริ่มแสดงสัญญาณว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ
กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรย้ายโรงงานเมื่อไหร่ ?
เมื่อโรงงานเดิมกำลังส่งสัญญาณว่ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ ไม่สามารถรองรับความต้องการของธุรกิจได้อีกต่อไป ควรย้ายโรงงานใหม่เมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ ผู้ประกอบการควรพิจารณาการย้ายโรงงานใหม่เมื่อเริ่มมีการตอบสนองต่อโรงงานเดิม ดังต่อไปนี้
- คำสั่งซื้อถูกเลื่อนหรือปฏิเสธบ่อยครั้ง เพราะแสดงว่าศักยภาพของโรงงานไม่เพียงพอ
- ออร์เดอร์ค้างสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณชัดเจนว่าโรงงานไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการจริงของตลาดได้
- ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าโรงงานเดิมทำงานหนักเกินไปจนต้นทุนสูงเกินจำเป็น
- คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ มักเกิดจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ จนต้องเร่งการผลิต ทำให้สินค้าไม่สม่ำเสมอ ไม่คงที่
- พื้นที่และทรัพยากรไม่เพียงพอสำหรับการขยายตัว จะทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปได้ยาก อาจเกิดความแออัดในกระบวนการผลิตและลดประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นก็ควรพิจารณาย้ายโรงงานใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตและเพิ่มศักยภาพในการผลิตได้
การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรเริ่มมองหาเมื่อโรงงานเดิมไม่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้ เพราะการย้ายโรงงานจึงไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาว
วิธีเลือกโรงงานใหม่ เมื่อโรงงานเดิมกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
เมื่อโรงงานเดิมไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ จากการมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ การย้ายโรงงานใหม่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า แต่การเลือกโรงงานใหม่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้การลงทุนคุ้มค่าและรองรับการเติบโตในอนาคตได้ โดยสามารถได้จากปัจจัยเลือกได้ ดังนี้
- การเลือกโรงงานใหม่ ควรพิจารณาศักยภาพการผลิต
การเลือกโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรพิจารณาเลือกโรงงานใหม่ที่มีพื้นที่และเครื่องจักรในการผลิตที่เพียงพอ รองรับการผลิตตามปริมาณที่ต้องการและสามารถขยายกำลังการผลิตในอนาคตได้
- การเลือกโรงงานใหม่ ควรพิจารณาคุณภาพและมาตรฐานการผลิต
การเลือกโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรตรวจสอบว่าโรงงานมีมาตรฐานการผลิตที่ตรงตามความต้องการ และสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
- การเลือกโรงงานใหม่ ควรพิจารณาต้นทุนและค่าใช้จ่าย
การเลือกโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรเลือกโรงงานที่มีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าการย้ายโรงงานคุ้มค่าทางการเงิน
- การเลือกโรงงานใหม่ ควรพิจารณาความสามารถในการบริหารจัดการและทีมงาน
การเลือกโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรพิจารณาเลือกโรงงานใหม่ควรมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และมีพนักงานที่มีทักษะหรือผ่านการอบรม เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้ราบรื่นและลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในอนาคตได้
- การเลือกโรงงานใหม่ ควรพิจารณาการสนับสนุนด้านกฎหมายและข้อบังคับ
การเลือกโรงงานใหม่เมื่อโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ควรตรวจสอบว่าทำเลโรงงานใหม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
การย้ายโรงงานใหม่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้ธุรกิจสามารถรองรับความต้องการในอนาคต และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Pure Derima Laboratories รองรับการขยายกำลังการผลิต พร้อมจุดแข็งที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโต
Pure Derima Laboratories พร้อมรองรับการขยายกำลังการผลิต จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายฐานการผลิตและธุรกิจที่ต้องการเติบโต โดย Pure Derima Laboratories มีจุดเด่นในการผลิต ดังนี้
- Pure Derima Laboratories มีมาตรฐานการผลิตระดับสากล
Pure Derima Laboratories ดำเนินการผลิตภายใต้ระบบที่ได้มาตรฐาน GMP และ ISO ทำให้มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ของคุณ ถูกผลิตภายใต้มาตรฐานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
- Pure Derima Laboratories รองรับทั้ง OEM และ ODM
Pure Derima Laboratories ผลิตสินค้าได้ทั้งตามสูตรของลูกค้าแบบ OEM และพัฒนาสูตรใหม่แบบ ODM ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบสูตร การเลือกวัตถุดิบ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างหลากหลาย
- Pure Derima Laboratories มีเครื่องจักรและเทคโนโลยีทันสมัย
Pure Derima Laboratories ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีการควบคุมคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ พร้อมรองรับปริมาณการผลิตที่มากขึ้นในอนาคต
- Pure Derima Laboratories มีทีมผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์
Pure Derima Laboratories มีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ยาวนานและความเชี่ยวชาญ พร้อมพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ
- Pure Derima Laboratories มีระบบควบคุมคุณภาพเข้มงวด
Pure Derima Laboratories มีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดและครอบคลุมทุกขั้นตอนของการผลิต ทำให้มั่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และสอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายและอุตสาหกรรม
- Pure Derima Laboratories มีความยืดหยุ่นในการผลิต
Pure Derima Laboratories มีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง สามารถปรับขนาดและปริมาณการผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งทุกกระบวนการผลิตยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
Pure Derima Laboratories มีมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด ใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการผลิต การย้ายโรงงานมาที่ Pure Derima Laboratories จึงเหมาะกับธุรกิจทุกขนาด พร้อมรองรับขยายกำลังการผลิตและเติบโตได้อย่างมั่นคงในตลาด
มาตรฐานการผลิตที่ Pure Derima Laboratories
การขยายกำลังการผลิตของโรงงานเครื่องสำอางต้องเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิตที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และผลิตภายใต้กระบวนการที่กฎหมายกำหนด โดย Pure Derima Laboratories มีมาตรฐานการผลิตที่ได้รับรองจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- มาตรฐาน ISO 9001:2015 เป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เน้นตรวจสอบให้ระบบการผลิตมีความปลอดภัย มีคุณภาพ และสามารถจัดการขั้นตอนการขยายกำลังการผลิตได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดปลอดภัยและเชื่อถือได้
- มาตรฐาน ISO 22716:2007 เป็นมาตรฐานการผลิตสากลที่กำหนดหลักเกณฑ์ด้านการปฏิบัติที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง ครอบคลุมตั้งแต่การรับวัตถุดิบ การจัดเก็บ การผลิต การบรรจุ จนถึงการจัดส่ง เพื่อให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดปลอดภัยและเชื่อถือได้
- มาตรฐาน ASEAN Cosmetic GMP เป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพตลอดกระบวนการผลิต ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อกำหนดของแต่ละประเทศสมาชิก
- มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) เป็นมาตรฐานหลักที่กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ดีในการผลิตสินค้า ทำให้กระบวนการผลิตเป็นระบบ ปลอดภัย และสามารถติดตามตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
- มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) เป็นมาตรฐานที่เน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นว่าโรงงานมีการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีการจัดการด้านมลพิษที่เหมาะสม
- มาตรฐาน Halal (ฮาลาล) เป็นมาตรฐานรับรองว่าวัตถุดิบและกระบวนการผลิตเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม สามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศที่ต้องการผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้
Pure Derima Laboratories มีมาตรฐานการผลิตที่ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการขยายตลาด ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าการผลิตสินค้ากับเราจะเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล พร้อมรองรับการขยายกำลังการผลิตของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีย้ายมาผลิตกับ Pure Derima Laboratories พร้อมรองรับทุกการผลิต
สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายโรงงานใหม่มาผลิตกับ Pure Derima Laboratories เพื่อให้การผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาด สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนแต่ครอบคลุมครบวงจร ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 แบรนด์ส่งสูตรผลิตภัณฑ์เดิม หรือนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์จริงของแบรนด์ มาให้ Pure Derima Laboratories แกะสูตรและตรวจสอบเอกสารรวมถึงความสอดคล้องกับกฎหมาย เพื่อเตรียมตัวต่อการผลิตในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 Pure Derima Laboratories ทดลองและพัฒนาสูตรที่ต้องการผลิต โดยทีมวิจัยและพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญ
ขั้นตอนที่ 3 แบรนด์เลือกบรรจุภัณฑ์ใหม่หรือใช้บรรจุภัณฑ์เดิมที่ต้องการใช้ในการผลิต
ขั้นตอนที่ 4 Pure Derima Laboratories ทำการจัดทำใบเสนอราคาที่มีรายละเอียดครบถ้วน ส่งให้กับแบรนด์ตรวจเช็ครายละเอียดอีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 5 แบรนด์ชำระเงินค่ามัดจำ 50% ให้กับ Pure Derima Laboratories เพื่อยืนยันการผลิต
ขั้นตอนที่ 6 Pure Derima Laboratories ดำเนินการจดแจ้งเลขทะเบียน อย. ภายใต้แบรนด์ครีมของแบรนด์
ขั้นตอนที่ 7 แบรนด์ทำการจัดทำโลโก้และฉลากผลิตภัณฑ์ พร้อมส่งให้กับโรงงานตรวจสอบความถูกต้องก่อนการผลิตจริง
ขั้นตอนที่ 8 Pure Derima Laboratories ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล โดยมีการควบคุมคุณภาพอย่างสม่ำเสมอและเข้มงวดในทุกขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 9 แบรนด์ชำระเงินส่วนที่เหลืออีก 50% ให้กับ Pure Derima Laboratories เมื่อผลิตผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 10 Pure Derima Laboratories จัดส่งผลิตภัณฑ์ให้กับแบรนด์ พร้อมเอกสารประกอบการผลิตและการรับรองมาตรฐาน เพื่อให้แบรนด์สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้เลย
สรุปกำลังการผลิตไม่เพียงพอ สัญญาณเตือนที่ควรย้ายโรงงาน
เมื่อธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่โรงงานเดิมไม่สามารถรองรับปริมาณการผลิตได้ อาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณพิจารณาการย้ายโรงงานไปยังผู้ผลิตที่มีศักยภาพมากกว่า การย้ายมาผลิตกับ Pure Derima Laboratories จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมั่นใจได้ในมาตรฐานการผลิตระดับสากล พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ มีระบบควบคุมคุณภาพเข้มงวดทุกขั้นตอน และความยืดหยุ่นที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้าได้
