ในยุคที่มีการแข่งขันสูงในตลาดสกินแคร์และเครื่องสำอาง การผลิตผลิตภัณฑ์กับโรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง ไม่ได้ส่งผลแค่เพียงทำให้การผลิตล่าช้า แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อใจของลูกค้าและโอกาสทางธุรกิจหลายประการ ทำให้การย้ายโรงงานใหม่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรพิจารณา บทความนี้จึงจะพาทุกคนไป
โรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง คืออะไร ?
โรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง คือ โรงงานที่ไม่ปรับปรุงหรืออัปเกรดกระบวนการผลิต เครื่องจักร หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ทันสมัย ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง และอาจส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์และต้นทุน ซึ่งการผลิตโรงงานที่ขาดการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีล้าหลังเสี่ยงต่อการสูญเสียทั้งด้านผลผลิต คุณภาพ และกำไร การย้ายโรงงานการผลิตจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตในระยะยาว
สัญญาณเตือนว่าโรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อธุรกิจในหลายด้าน โดยสามารถสังเกตสัญญาณต่าง ๆ ได้ ดังนี้
สัญญาณเตือนที่แสดงว่าโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง
- เครื่องจักรและอุปกรณ์เก่า
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักใช้เครื่องจักรเก่าที่มีการชำรุดบ่อย หรือมีการเสียบ่อย ทำให้ต้องซ่อมบำรุงเครื่องจักรบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตและความต่อเนื่องในการผลิต รวมถึงส่งผลต่อความปลอดภัยต่อพนักงานได้อีกด้วย
- กระบวนการผลิตช้าและไม่ยืดหยุ่น
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักมีกระบวนการผลิตช้าและไม่มีความยืดหยุ่น ทำให้ใช้เวลานานกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม ไม่สามารถปรับตามความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้เสียโอกาสทางธุรกิจได้
- คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักทำให้ผลิตภัณฑ์มีความผิดพลาดสูงและทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สม่ำเสมอแตกต่างกันในแต่ละล็อตการผลิต เนื่องจากระบบควบคุมคุณภาพมีเทคโนโลยีล้าหลัง ทำให้ระบบตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพยาก เพิ่มความเสี่ยงในการเสียลูกค้าและชื่อเสียงของแบรนด์
- ต้นทุนการผลิตสูงกว่าคู่แข่ง
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักต้องใช้แรงงานหรือวัตถุดิบมากเกินความจำเป็น ทำให้เสียทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรสูง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลง
- ไม่รองรับมาตรฐานหรือข้อกำหนดใหม่
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักมีระบบการผลิตที่ไม่สามารถปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลได้ ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาทางกฎหมายหรือการตรวจสอบได้
การสังเกตสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพื่อแสดงว่าโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการย้ายโรงงานใหม่ เพื่อรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขัน
โรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง มีความเสี่ยงด้านการผลิตอย่างไร ?
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง จะส่งผลให้แบรนด์ต้องเผชิญกบความเสี่ยงในการผลิตหลายด้าน ดังนี้
- โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักมีเครื่องจักรเก่าและกระบวนการล้าสมัย จะทำให้ผลิตผลิตภัณฑ์ได้ช้า และปรับเปลี่ยนหรือขยายกำลังการผลิตได้ยาก ส่งผลให้โรงงานไม่สามารถตอบสนองต่อคำสั่งซื้อจำนวนมากหรือความต้องการฉุกเฉินของตลาดได้
- โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้คุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง จะส่งผลให้คุณภาพของสินค้ามีคุณภาพไม่เท่ากันในแต่ละล็อตการผลิต เนื่องจากขาดระบบควบคุมคุณภาพอัตโนมัติหรือมาตรฐานสูง จึงถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเรียกคืนสินค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์
- โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เนื่องจากเครื่องจักรทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และต้องใช้แรงงานหรือเวลาการทำงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตเพิ่มขึ้นตามมา
- โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้แบรนด์ตอบสนองต่อตลาดช้า
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักไม่สามารถปรับการผลิตผลิตภัณฑ์ให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน ไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งที่มีเทคโนโลยีทันสมัยได้
- โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านมาตรฐานและกฎหมาย
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง อาจไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ทำให้เสี่ยงต่อการตรวจสอบไม่ผ่าน ถูกจำกัดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือถูกปรับทางกฎหมายได้
การรับรู้และแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจปรับแผนการผลิตหรือตัดสินใจในการย้ายโรงงาน ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
โรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างไร ?
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง นอกจากจะส่งผลต่อการผลิตผลิตภัณฑ์แล้วยังส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในหลายด้าน ทั้งในด้านของความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ ความทนทาน ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ดังนี้
- คุณภาพไม่สม่ำเสมอ แต่ละล็อตการผลิตอาจมีความแตกต่างกันชัดเจน ทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพไม่เหมือนกัน
- ข้อบกพร่องหรือสินค้าชำรุดง่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์ชำรุดง่ายและไม่สามารถใช้งานได้ตามที่ควร
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธจากตลาดหรือลูกค้า และอาจถูกตรวจสอบและถูกปรับทางกฎหมายได้อีกด้วย
- อายุการใช้งานของสินค้าไม่ยาว ทำให้ให้ลูกค้าอาจเกิดความไม่พอใจและเกิดการคืนสินค้าได้
- ภาพลักษณ์แบรนด์เสียหาย จากการที่คุณภาพไม่สม่ำเสมอหรือมีข้อบกพร่อง ทำให้ลูกค้าเสียความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ ส่งผลให้ธุรกิจเสียทั้งรายได้และชื่อเสียงของแบรนด์
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลกระทบกับคุณภาพของแบรนด์ในหลายด้าน ตั้งแต่ในด้านความสม่ำเสมอ ความทนทาน มาตรฐาน และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้สามารถนำไปสู่การเสียโอกาสทางธุรกิจและโอกาสทางการตลาดได้
โรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในด้านใดบ้าง
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลโดยตรงกับการผลิตและคุณภาพ ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจในหลายด้าน ทั้งในด้านต้นทุน การแข่งขันทางตลาด รวมถึงความเสี่ยงต่อปัญหาด้านกฎหมายและมาตรฐาน ดังนี้
- ทำให้ธุรกิจต้นทุนรวมสูงขึ้นและทำให้กำไรของธุรกิจลดลง
- ทำให้ธุรกิจไม่สามารถตอบสนองคำสั่งซื้อหรือขยายกำลังการผลิตตามความต้องการของตลาดได้
- ทำให้ธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่นของลูกค้า จากการที่สินค้ามีข้อบกพร่องบ่อย มีคุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ
- ทำให้ธุรกิจเสียโอกาสทางธุรกิจ และสร้างรายได้
- ทำให้ธุรกิจเสี่ยงด้านกฎหมายและมาตรฐาน จากการที่โรงงานไม่สามารถผลิตตามมาตรฐานได้
สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจากการที่โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง มักทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นได้ เนื่องจากการใช้กระบวนการผลิต เครื่องจักร และระบบบริหารจัดการทีไม่มีประสิทธิภาพ โดยสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น มีดังนี้
- แรงงานมากเกินจำเป็น ทำให้พนักงานต้องทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ค่าแรงงานสูงขึ้น
- ทำให้เสียวัตถุดิบ ทำให้ใช้วัตถุดิบเกินจำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบเพิ่ม ส่งผลให้ต้นทุนรวมสูงขึ้นและลดประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
- โรงงานต้องซ่อมบำรุงเครื่องจักรบ่อย ทำให้ต้นทุนโดยรวมของการผลิตสูงขึ้น
- สินค้าเสียหายบ่อย จากการบกพร่องทางการผลิต ทำให้ต้องทิ้งสินค้าที่เสียหายแล้วผลิตซ้ำ ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมสูงขึ้น
โรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในทุกด้าน ทั้งแรงงาน วัตถุดิบ เครื่องจักร และประสิทธิภาพของการผลิต
ทำไมควรย้ายโรงงานใหม่ เมื่อโรงงานขาดการพัฒนา เทคโนโลยีล้าหลัง
การย้ายไปโรงงานใหม่เมื่อโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้เปรียบในระยะยาว นอกจากนี้การย้ายโรงงานใหม่เมื่อโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลังยังมีข้อดีอีกหลายประการ ดังนี้
- การย้ายโรงงานใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้
การย้ายไปโรงงานใหม่เมื่อโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ช่วยให้แบรนด์ได้ผลิตกับเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำงานได้เร็วและแม่นยำ ทำให้การผลิตมีความต่อเนื่อง สามารถผลิตได้มากขึ้นในระยะเวลาไม่นาน
- การย้ายโรงงานใหม่ช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
หากย้ายโรงงานใหม่ไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ผลิตต้นทุนต่อหน่วยได้ต่ำลง ทำให้ธุรกิจมีกำไรสูงขึ้นได้ ส่งผลให้ในระยะยาวแบรนด์จะมีต้นทุนการผลิตที่น้อยลง
- การย้ายโรงงานใหม่ช่วยยกระดับคุณภาพของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากย้ายโรงงานใหม่ไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยจะมีระบบการควบคุมคุณภาพที่แม่นยำ ลดการเกิดข้อบกพร่องในการผลิตได้ดี ทำให้สินค้ามีความสม่ำเสมอและมีคุณภาพที่ดีขึ้นได้
- การย้ายโรงงานใหม่รองรับการขยายธุรกิจในอนาคตได้
หากย้ายโรงงานใหม่ไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัย สามารถรองรับการเพิ่มสายการผลิตหรือสามารถขยายกำลังการผลิตในอนาคตได้ จะช่วยรองรับการเติบโตได้
- การย้ายโรงงานใหม่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้
หากย้ายโรงงานใหม่ไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยช่วยสะท้อนถึงความใส่ใจในการผลิตและพัฒนา จึงช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือ ทันสมัย และดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
การย้ายไปโรงงานใหม่เมื่อโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ถือเป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พร้อมแข่งขันในตลาด
Pure Derima Laboratories มีเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมยกระดับการผลิตเครื่องสำอาง
Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานผลิตสกินแคร์และเครื่องสำอางที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์และผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในความปลอดภัย โดย Pure Derima Laboratories มี MODERN MACHINERY ที่โดดเด่น ดังนี้
- รองรับการผลิตปริมาณมาก ด้วยเครื่องจักรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ต่อเนื่องในปริมาณมาก โดยไม่ลดคุณภาพของสินค้า
- เทคโนโลยีทันสมัย ควบคุมคุณภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำสูง ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพและมีความสม่ำเสมอ คงที่ในทุกล็อตการผลิต
- ป้องกันสิ่งปนเปื้อนด้วยระบบ Clean Room มาตรฐานสากล โดยมีห้องผลิตที่ถูกควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด ทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ปลอดเชื้อและปลอดภัย
- ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เนื่องจากโรงงานมีเครื่องจักรระบบอัตโนมัติช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็วในการผลิต และส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ
Pure Derima Laboratories มีเทคโนโลยีการผลิตและเครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบ Clean Room พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และพร้อมแข่งขันในตลาด
ข้อดีของเทคโนโลยีการผลิตที่ Pure Derima Laboratories
Pure Derima Laboratories มีเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย พร้อมเครื่องจักรอัตโนมัติและการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดทุกขั้นตอน โดยข้อดีของเทคโนโลยีการผลิตใน Pure Derima มีข้อดีมากมายหลายประการ ดังนี้
- เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการผลิต ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณมากภายในระยะเวลาอันสั้น
- ลดความผิดพลาดและการปนเปื้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีความปลอดภัยสูง
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้สม่ำเสมอทุกล็อต มีคุณภาพและเนื้อสัมผัสคงที่ ไม่ว่าจะผลิตในปริมาณมากหรือน้อย
- ลดต้นทุนการผลิตระยะยาว ช่วยให้เจ้าของแบรนด์มีต้นทุนที่แข่งขันได้มากขึ้น
เทคโนโลยีการผลิตของ Pure Derima Laboratories ช่วยให้การผลิตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ สม่ำเสมอ และปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และช่วยขยายโอกาสทางการตลาดในอนาคตอีกด้วย
Pure Derima Laboratories รองรับการผลิตครบวงจร (One Stop Service)
Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่มีเทคโนโลยีการผลิตและเครื่องจักรที่ทันสมัยมุ่งเน้นให้บริการครบวงจร หรือ One Stop Service โดยมีบริการครบวงจร ดังนี้
- การวิจัยและพัฒนาสูตร
Pure Derima มีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ พร้อมช่วยสร้างสรรค์สูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์และผู้บริโภค
- การผลิตและควบคุมคุณภาพ
Pure Derima มีเครื่องจักรทันสมัยและมีระบบ Clean Room พร้อมเทคโนโลยีการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวด ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และคงคุณภาพในทุกล็อต
- การออกแบบและบรรจุภัณฑ์
Pure Derima มีบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์ พร้อมระบบบรรจุอัตโนมัติที่แม่นยำและปลอดเชื้อ
- การจัดการเอกสารและมาตรฐาน
Pure Derima มีบริการช่วยดำเนินเอกสารทางกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- บริการหลังการผลิตและจัดส่ง
Pure Derima มีบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์อย่างตรงเวลา เพื่อให้แบรนด์สามารถวางจำหน่ายได้ตามแผนการตลาดที่แบรนด์วางไว้
Pure Derima Laboratories สามารถผลิตผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมบริการแบบครบวงจรครอบคลุมทุกขั้นตอน (One stop service) ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะมีคุณภาพและปลอดภัย
Pure Derima Laboratories รองรับทุกความต้องการของตลาดด้วยมาตรฐานสากล
Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานผลิตสกินแคร์และเครื่องสำอางที่ดำเนินการผลิตภายใต้มาตรฐานสากล พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้สินค้าทุกชิ้นที่ถูกผลิตออกมามีคุณภาพและปลอดภัย โดย Pure Derima ได้รับรองมาตรฐานต่าง ๆ ดังนี้
มาตรฐานการผลิตระดับสากลของ Pure Derima Laboratories
- GMP (Good Manufacturing Practice)
มาตรฐานที่ในการควบคุมกระบวนการผลิตให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักสุขอนามัย เน้นความสะอาด ปลอดภัย และการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน
- ISO 22716:2007
มาตรฐานเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นการรับรองการจัดการการผลิต การควบคุมคุณภาพ การจัดเก็บ และการขนส่ง โรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้จะสามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ได้ และมีระบบบริหารจัดการที่ดี
- ISO 9001:2015
มาตรฐานนี้แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของโรงงานในด้านการบริหารคุณภาพ จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะได้รับการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและมีการควบคุมการผลิตอย่างมีระบบตลอดกระบวนการผลิต
- ASEAN Cosmetic GMP
โรงงานที่ได้มาตรฐาน ASEAN Cosmetic GMP สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าในตลาดอาเซียนได้อย่างมั่นใจ เพราะผ่านการรับรองตามข้อกำหนด ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ และสร้างความเชื่อถือจากผู้บริโภค
- อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)
มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Industry เป็นมาตรฐานที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโรงงานที่ผ่านการรับรอง Green Industry แสดงว่าเป็นโรงงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การผลิตกับโรงงานนี้จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคได้
- Halal (ฮาลาล)
โรงงานที่ผ่านการรับรองฮาลาลสามารถผลิตสินค้าที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ไม่มีส่วนผสมต้องห้าม และควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเคร่งครัด ช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถจำหน่ายได้ในตลาดมุสลิม
เทคโนโลยีการผลิตของ Pure Derima Laboratories
โรงงาน Pure Derima ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติและระบบการควบคุมคุณภาพที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกขั้นตอนการผลิตมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ รองรับการผลิตทั้ง
- การผลิตสูตรมาตรฐาน (OEM) บริการผลิตสูตรมาตรฐานที่ผ่านการทดสอบและรับรองคุณภาพแล้ว
- การผลิตสูตรเฉพาะของแบรนด์ (ODM) บริการพัฒนาสูตรเฉพาะตามความต้องการของแบรนด์ โดยสามารถพัฒนาสูตรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวร่วมกับทีมวิจัยและพัฒนาของ Pure Derima เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ในตลาดได้อีกด้วย
การผลิตกับ Pure Derima ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยให้การผลิตสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีคุณภาพสม่ำเสมอในทุกล็อตการผลิต
ทำไม Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานผลิตที่ผู้ประกอบการเลือก
Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานผลิตสกินแคร์และเครื่องสำอางที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการในหลายแบรนด์ชั้นนำ ด้วยจุดแข็งที่ครอบคลุมครบทุกด้านที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยจุดแข็งที่ทำให้ Pure Derima Laboratories ได้รับความไว้วางใจอย่างยาวนาน มีดังนี้
- มาตรฐานการผลิตระดับสากล
Pure Derima มีกระบวนการผลิตสินค้าภายใต้มาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น ISO, GMP, และ ASEAN Cosmetic GMP ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ได้จะมีคุณภาพ มีความสม่ำเสมอในทุกการผลิต ปลอดภัย และได้รับความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภค
- เทคโนโลยีการผลิตทันสมัย (Modern Machinery)
Pure Derima ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติและระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับการผลิตจำนวนมาก พร้อมควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน
- ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่มีประสบการณ์
Pure Derima มีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี ในการช่วยคิดค้นสูตรได้อย่างเชี่ยวชาญ ทำให้สามารถผลิตได้ทั้งสูตรสำเร็จหรือสูตรเฉพาะ (Exclusive Formula) พร้อมตอบโจทย์ตลาดและแนวโน้มความงามยุคใหม่
- บริการแบบครบวงจร (One Stop Service)
Pure Derima ให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา พัฒนาสูตร ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ขึ้นทะเบียน อย. ไปจนถึงการผลิตและจัดส่ง ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
- รับผลิตยืดหยุ่นตามความต้องการลูกค้า
Pure Derima รับผลิตสินค้าอย่างยืดหยุ่น รองรับการผลิตทั้งในระดับเริ่มต้นและระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สามารถปรับปริมาณการผลิตได้ตามความต้องการโดยไม่ลดคุณภาพ จึงเหมาะทั้งกับผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจและผู้ที่ต้องการขยายฐานธุรกิจ
- ควบคุมคุณภาพเข้มงวดทุกขั้นตอน
Pure Derima มีการควบคุมคุณภาพเข้มงวดทุกขั้นตอนภายใต้ระบบตรวจสอบคุณภาพ (QC) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสม่ำเสมอและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
Pure Derima Laboratories มีจุดแข็งหลายด้านที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ได้อย่างมั่นใจ รวดเร็ว สามารถแข็งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผลิตผลิตภัณฑ์กับโรงงานขาดการพัฒนาและเทคโนโลยีล้าหลัง ส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด
การผลิตผลิตภัณฑ์กับโรงงานขาดการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีล้าหลัง จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก ทั้งทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น กำลังการผลิตไม่เพียงพอ และคุณภาพสินค้า นอกจากนี้การปรับปรุงพัฒนาสูตรใหม่หรือออกสินค้าใหม่ก็ต้องใช้ระยะเวลานาน ทำให้แบรนด์ไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามเทรนด์ความงามและความต้องการของผู้บริโภคได้ทัน และทำให้การแข่งขันในตลาดลดลง
การย้ายการผลิตไปยังโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง Pure Derima Laboratories จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว พร้อมปรับปรุงสูตรและพัฒนาสินค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
หากคุณสนใจผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยกับเรา
สามารถติดต่อได้ที่
โทร. 02-285-4266
Line: @purederima
Facebook: Pure Derima Laboratories