เลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของแบรนด์
ในยุคที่ครีมกันแดดกลายเป็นสินค้าที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่การจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดดให้ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่ยาก การเลือกสูตรครีมกันแดดที่ตรงกับความต้องการของตลาด จึงถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณโดดเด่นในตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของแบรนด์ ที่เจ้าของแบรนด์มือใหม่ควรรู้
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ต้องทำอย่างไร?
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการของตลาด ถือเป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ควรคำนึงถึง เนื่องจากเป็นหนึ่งในกระบวนการผลิตที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น การมองในมุมมองของผู้บริโภค ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ เป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งแต่ละขั้นตอน มีดังนี้
ศึกษากลุ่มเป้าหมาย ก่อนเลือกสูตรครีมกันแดด
การเลือกกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยทำให้เจ้าของแบรนด์สามารถวางแผนการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาดได้ โดยการศึกษากลุ่มเป้าหมายนั้น ประกอบด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น
- อายุของกลุ่มเป้าหมาย ในแต่ละช่วงวัยก็จะมีปัญหาผิว และความต้องการสูตรครีมกันแดดที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มวัยรุ่นอาจต้องการสูตรครีมกันแดดบางเบา และควบคุมความมัน ในวัยทำงานอาจต้องสูตรครีมกันแดดที่มีการปกป้องสูงและบำรุงผิวในตัว เพื่อความรวดเร็ว หรือในกลุ่มผู้สูงอายุอาจต้องการสูตรครีมกันแดดที่บางเบา และปกป้องผิวบอบบาง ซึ่งการเลือกอายุของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยทำให้คุณสามารถพัฒนาสูตรครีมกันแดด ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้
- สภาพผิวของแต่ละบุคคล ก็จะมีความแตกต่างกัน และแต่ละสภาพผิวก็จะมีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย ทำให้การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด แต่ละสูตรครีมกันแดดต้องเหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว
- กิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ละกิจกรรมนั้นก็จะต้องการสูตรครีมกันแดดที่แตกต่างกันไป เช่น ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งวันอาจต้องการสูตรครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงและกันน้ำ เพื่อการปกป้องขั้นสูง หรือผู้ที่ทำงานในตึกออฟฟิศอาจจะต้องการสูตรครีมกันแดดที่ซึมไว และไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อความสบายผิว
คำนึงถึงส่วนผสมสูตรครีมกันแดดที่ปลอดภัย
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด คือ การเลือกส่วนผสมของสูตรครีมกันแดดที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน ซึ่งสูตรครีมกันแดดนั้นก็มีส่วนผสมหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ดังนี้
- สารกรองแสง เป็นส่วนผสมสำคัญในสูตรครีมกันแดด ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและป้องกันความเสี่ยงจากมะเร็งผิวหนัง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปบบ คือ Physical Sunscreen , Chemical Sunscreen และ Chemical-Physical Sunscreen
- ค่า SPF และ PA สิ่งสำคัญของการเลือกซื้อสูตรครีมกันแดดของผู้บริโภค คือ ค่าความสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB โดยควรเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพอากาศ อย่างในประเทศไทยที่มีแดดแรงเกือบตลอดทั้งปีนั้น การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด สูตรครีมกันแดดควรมีค่า SPF 50+ และ PA++++ ขึ้นไป
- ความสามารถในการกันน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญในการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ที่หลาย ๆ คนต่างเลือก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ที่เล่นกีฬา ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่อาจจะเกิดเหงื่อ ความสามารถในการกันน้ำของสูตรครีมกันแดดจึงมีความสำคัญสูง
- สารบำรุงเพิ่มเติม เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมสูตรครีมกันแดดที่ผู้บริโภคมักจะใช้ในการเลือก เพราะนอกจากจะได้ป้องกันผิวจากรังสียูวีแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวได้อีกด้วย เช่น วิตามินซี, ไฮยาลูโรนิค, สารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารช่วยลดการอักเสบ ที่จะช่วยเสริมเกราะให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
- ไม่มีสารที่อาจเป็นอันตราย การพัฒนาสูตรครีมกันแดดที่ปราศจากสารเคมีที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผิวและสิ่งแวดล้อม เช่น Alcohol-free, Fragrance-free, Non-comedogenic, Oil-free, Paraben-free และ Coral-Friendly จะช่วยลดการเกิดความระคายเคืองของผิว และได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้
ความสะดวกในการใช้งานของครีมกันแดด
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ควรคำนึงถึงขนาดและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งบรรจุภัณฑ์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ และยังสื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย
- บรรจุภัณฑ์ ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดสายตาสื่อถึงเอกลักษณ์ และคุณค่าของแบรนด์ เช่น ความเรียบหรู เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือความสนุกสนาน เพื่อสร้างภาพจำให้กับผู้บริโภค
- รูปแบบบรรจุภัณฑ์ ขนาดและรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ต้องมีความใช้งานง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน ควรเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น ขวดปั๊มขนาดใหญ่ สำหรับการใช้งานในบ้าน หรือหลอดขนาดเล็กสำหรับพกพาออกไปข้างนอก ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น
แนวโน้มตลาดและความนิยมของสูตรครีมกันแดด
การสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ จะต้องคำนึงถึงการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด และต้องมีความโดดเด่นและแตกต่าง ซึ่งเทรนด์การผลิตสูตรครีมกันแดดในปัจจุบันนั้น ก็มีหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น สูตรครีมกันแดดแบบบางเบา สูตรครีมกันแดดแบบเนื้อเซรั่ม สูตรครีมกันแดดแบบสเปรย์ หรือสูตรครีมกันแดดที่ช่วยปรับเฉดสีผิว รวมถึงคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สูตรครีมกันแดดปราศจากเคมี สูตรครีมกันแดดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
การพัฒนาสูตรครีมกันแดดที่ตอบโจทย์
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ควรเลือกส่วนผสมที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย เลือกใช้สารกรองแสงที่มีประสิทธิภาพและผ่านการรับรองความปลอดภัย เลือกพัฒนาสูตรครีมกันแดดที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น สูตรสำหรับผิวมันที่ช่วยควบคุมความมัน สูตรสำหรับผิวแห้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น หรือสูตรบางเบาที่ไม่อุดตันรูขุมขนและไม่ทำให้ผิวมัน
ความปลอดภัยและคุณภาพของสูตรครีมกันแดด
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ซึ่งการทดสอบและการรับรองคุณภาพของสูตรครีมกันแดดจึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยการทดสอบในห้องปฏิบัติการของครีมกันแดด เพื่อช่วยยืนยันค่าประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด (SPF และ PA) ความปลอดภัย และความคงตัวของผลิตภัณฑ์ จะมีดังนี้
- การทดสอบค่าประสิทธิภาพ SPF (Sun Protection Factor)
- การทดสอบค่าประสิทธิภาพ PA (Protection Grade of UVA)
- การทดสอบความคงตัว (Stability Test)
- การทดสอบการแพ้ (Patch Test)
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดจะต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ อย่าง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือ FDA (Food and Drug Administration) โดยฉลากผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องแจ้งรายละเอียด สูตรครีมกันแดด ส่วนผสมต่าง ๆ โดยละเอียด ดังนี้
- การระบุส่วนผสมสำคัญ เช่น ชื่อส่วนผสมหลัก และสัดส่วนของส่วนผสมที่ปลอดภัย
- การติดฉลากที่ถูกต้อง ระบุ SPF, PA, วิธีใช้, คำเตือน และคำแนะนำการเก็บรักษา และระบุวันผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจน
- การตรวจสอบความปลอดภัย ไม่มีสารอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม
หาโรงงานผลิตสูตรครีมกันแดดที่ได้มาตรฐานสากล
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ก่อนเริ่มผลิตครีมกันแดด ควรเลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตสูตรครีมกันแดด และมีชื่อเสียง จะช่วยลดความเสี่ยงในขั้นตอนการผลิตครีมกันแดด และควรตรวจสอบมาตรฐานการผลิต เนื่องจากโรงงานรับผลิตครีมกันแดดที่ดีควรได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) ควรเลือกโรงงานที่ให้บริการครบวงจร ที่พร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มแบรนด์ เช่น การพัฒนาสูตรครีมกันแดด การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การผลิตที่มีคุณภาพ รวมถึงการยื่นจดแจ้งเอกสารรับรองต่าง ๆ อย่าง Pure Derima Laboratories ที่เราพร้อมให้บริการแบบครบวงจร
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด : ครีมกันแดดมีกี่รูปแบบ ?
Pure Derima Laboratories พร้อมรับผลิตครีมกันแดดหลายรูปแบบ การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด ให้เหมาะสมกับทุกการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว และทุกกิจกรรม เจ้าของแบรนด์ที่สนใจผลิตครีมกันแดด พัฒนาสูตรครีมกันแดด สามารถรูปแบบครีมกันแดดที่ถูกใจได้ ดังนี้
- สูตรครีมกันแดดเนื้อครีม
สูตรครีมกันแดดเนื้อครีม จะมีความเข้มข้น สามารถใช้เตรียมผิวก่อนแต่งหน้าได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง หรือผิวสุขภาพดี
- สูตรครีมกันแดดเนื้อเจล
สูตรครีมกันแดดเนื้อเจล เนื้อครีมจะมีความบางเบา ซึมได้ง่าย แห้งไว สบายผิว เนื่องจากเจลจะมีความลื่นคล้าย ๆ กับน้ำ ทำให้ไม่หนักผิว ไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ สูตรครีมกันแดดนี้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว หรือผู้ที่มีผิวมันที่ต้องการความบางเบา
- สูตรครีมกันแดดผสมรองพื้น
สูตรครีมกันแดดผสมรองพื้น เนื้อครีมจะช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ พร้อมช่วยปกปิดผิวหน้าได้แทนการใช้รองพื้น ช่วยให้ใบหน้ามีความผ่องตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก และผิวต้องการการปกปิด
- สูตรครีมกันแดดเนื้อน้ำนม
สูตรครีมกันแดดเนื้อน้ำนม จะมีเนื้อครีมที่คล้ายกับกันแดดสูตรน้ำ มีความเหลว ทำให้สบายผิว ใช้งานง่าย และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง และผิวผสม สามารถใช้เตรียมผิวก่อนแต่งหน้าได้
- สูตรครีมกันแดดแบบแท่ง
สูตรครีมกันแดดแบบแท่ง เป็นอีกหนึ่งรูปแบบครีมกันแดดที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถพกพาได้สะดวก ใช้งานง่าย และความพิเศษของสูตรครีมกันแดดครีมกันแดดแบบแท่ง คือ สามารถทาทับเครื่องสำอางระหว่างวันได้ โดยเนื้อสัมผัสจะมีความบางเบา สบายผิว ไม่ทิ้งคราบ ทั้งยังไม่ต้องใช้มือเกลี่ยเหมือนครีมกันแดดรูปแบบอื่น ๆ
- สูตรครีมกันแดดแบบสเปรย์
สูตรครีมกันแดดแบบสเปรย์ ก็เป็นอีกหนึ่งสูตรครีมกันแดดที่น่าสนใจ โดยตัวครีมกันแดดมักจะมาในรูปแบบกระป๋อง ทำให้สามารถพกพาได้ง่าย ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว เพียงแค่ฉีดลงบนผิว สามารถเติมระหว่างวันได้ โดยไม่เป็นคราบ หรือทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด : การวิจัยและพัฒนาสูตร
Pure Derima Laboratories เราตั้งเป้าหมายในการผลิตครีมกันแดด ให้ได้มาตรฐานเพื่อก้าวขึ้นสู่ระดับสากล โดยเราใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด การวิจัยพัฒนาสูตรครีมกันแดด ตลอดจนถึงการควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย
การวิจัยและพัฒนาสูตรครีมกันแดด
เราใส่ใจกับทุกกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็น การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด เรามีทีมวิจัยและพัฒนาสูตรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการดูแลแบรนด์ โดยนักเคมีเครื่องสำอาง นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ได้ร่วมทำการวิจัยและพัฒนาสูตรครีมกันแดด คัดเลือกวัตถุดิบใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูง สูตรครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และอันตรายต่อร่างกายร่วมกัน เพื่อให้ได้สูตรครีมกันแดดที่ตรงความต้องการของคุณมากที่สุด และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
การควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ในกระบวนการผลิตนั้น จะมีการวางแผนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยทางเรามีการนำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตครีมกันแดด เพื่อช่วยควบคุมคุณภาพของการผลิตสูตรครีมกันแดดให้ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกขั้นตอน ลูกค้าจึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย เรามีการควบคุมคุณภาพการผลิต ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบสูตรครีมกันแดด และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิต ซึ่งประกอบด้วย
- การควบคุมคุณภาพระหว่างการชั่งตวงวัตถุดิบ
- การควบคุมคุณภาพระหว่างกระบวนการผลิต
- การควบคุมคุณภาพของสินค้าที่รอบรรจุ
- การควบคุมคุณภาพของสินค้าสำเร็จรูป
- การควบคุมคุณภาพทางจุลชีววิทยา
ทำไมต้องเลือกโรงงานรับผลิตครีมกันแดด Pure Derima Laboratories
Pure Derima Laboratories เพียวเดอริมา แลบบอราทอรีส์ จำกัด เป็นบริษัทรับผลิตครีมกันแดด ที่มีระบบการผลิตสูตรครีมกันแดดที่มีมาตรฐาน ทันสมัย มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิต ทั้งยังมีทีมวิจัยพัฒนาสูตรครีมกันแดดมาตรฐานโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น นักเคมี และบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง และมีการควบคุมการผลิตครีมกันแดดที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย ดังนี้
- เราได้รับรอง GMP (Good Manufacturing Practice) มาตรฐานขั้นตอนการควบคุมการรับผลิตครีมกันแดดทุกขั้นตอนที่ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
- เราได้รับรอง ASEAN Cosmetic Good Manufacturing Practice (GMP) มาตรฐานการผลิตเครื่องสำอางและสูตรครีมกันแดด ที่กำหนดขึ้นสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสนับสนุนการค้าเสรีในภูมิภาค
- เรามีมาตรฐาน ISO (International Standards Organization) การรับรองคุณภาพการดำเนินงานของโรงงาน เป็นเกณฑ์มาตรฐานระดับสากลที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งทางโรงงานรับผลิตสกินแคร์ของเราได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 22716 : 2007 และ ISO 9001 : 2015
- เราได้รับรอง มาตรฐานฮาลาล (Halal) มาตรฐานจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อรับรองว่าทางโรงงานรับผลิตครีมกันแดดมีการดำเนินการตามเกณฑ์ที่หลักศาสนาอิสลามกำหนด
- เราได้รับรอง มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) มาตรฐานการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นโรงงานรับผลิตครีมกันแดดที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ขั้นตอนการผลิตสูตรครีมกันแดด 10 ขั้นตอน แบบง่าย ๆ
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด จะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของคุณนั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด สร้างแบรนด์ครีมกันแดดกับ Pure Derima Laboratories โรงงานรับผลิตครีมกันแดดได้ง่าย ๆ ภายใน 10 ขั้นตอน
- เลือกสูตรครีมกันแดด สูตรมาตรฐาน หรือสูตรพัฒนาของตัวเอง
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด เป็นขั้นตอนแรกที่ลูกค้าจะต้องทำก่อนการผลิต โดยทางโรงงานจะมีสูตรครีมกันแดดมาตรฐานให้ลูกค้าได้เลือก หรือลูกค้าสามารถพัฒนาสูตรครีมกันแดดของตัวเองได้ ซึ่งทางเราก็มีบริการพัฒนาสูตรครีมกันแดดจากทีมนักวิจัยและพัฒนาสูตรครีมกันแดดผู้เชี่ยวชาญ เพียงลูกค้าแจ้งรายละเอียดส่วนผสมที่ต้องการ หรือสามารถส่งตัวอย่างครีมกันแดดมาให้ทางโรงงานได้พัฒนาสูตรครีมกันแดดได้
- ทดลองสูตรครีมกันแดด จาก Catalog หรือสูตรพัฒนา และสรุปผลต่อผู้ขาย
เมื่อเลือกสูตรครีมกันแดดที่ต้องการได้แล้วนั้น ทางทีมวิจัยและพัฒนาจะทำการ พัฒนาสูตรครีมกันแดด และทำการทดลอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยทางทีมวิจัยจะส่งผลิตภัณฑ์ตัวอย่างให้กับลูกค้าเพื่อตรวจสอบ และยืนยันสูตรครีมกันแดดที่ชื่นชอบ
- เลือกบรรจุภัณฑ์ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์
เมื่อลูกค้ายืนยันสูตรครีมกันแดดกับทางโรงงานแล้วนั้น ขั้นตอนถัดไป คือ การเลือกบรรจุภัณฑ์ของสินค้า เพื่อให้ทางทีมพัฒนานั้นได้ทดสอบว่าบรรจุภัณฑ์ที่เลือกนั้นจะสามารถเข้ากับสูตรครีมกันแดดได้อย่างเหมาะสม โดยทางโรงงานของเราก็มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปให้ลูกค้าได้เลือกมากมาย เพื่อให้เข้ากับเอกลักษณ์แบรนด์ได้มากที่สุด
- โรงงานรับผลิตครีมกันแดดจะจัดส่งใบเสนอราคาให้กับลูกค้า
เมื่อทำการพูดคุยและตกลงรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สูตรครีมกันแดด หรือบรรจุภัณฑ์ครบแล้วนั้น ทางโรงงานจะทำการส่งใบเสนอราคา พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการผลิตครีมกันแดดให้กับทางลูกค้า
- ลูกค้าชำระเงินมัดจำก่อนการผลิต 50% ตามยอดในใบเสนอราคา
หลังจากได้รับใบเสนอราคาแล้ว ลูกค้าจะต้องชำระมัดจำก่อนเริ่มการผลิตครีมกันแดดเป็นจำนวนเงิน 50% ตามเงื่อนไขในใบเสนอราคา เพื่อยืนยันการสั่งผลิตครีมกันแดด และทางโรงงานจะดำเนินการผลิตตามขั้นตอนต่อไป เมื่อได้รับการชำระเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว
- โรงงานรับผลิตครีมกันแดด ขอยื่นจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของลูกค้า
หลังจากได้รับชำระเงินมัดจำครบถ้วน โรงงานจะดำเนินการยื่นขอจดแจ้งเลขทะเบียน อย. และเครื่องหมายฮาลาล (Halal) สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า โดยปกติขั้นตอนการขอเอกสารรับรองจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันในการดำเนินการ
- ออกแบบโลโก้และฉลาก พร้อมทั้งให้ทางโรงงานรับผลิตครีมกันแดด ตรวจสอบความถูกต้อง
ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตครีมกันแดด ลูกค้าจะต้องออกแบบโลโก้และฉลากสินค้า พร้อมทั้งส่งให้ทางโรงงานนั้นตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะสั่งผลิต สำหรับลูกค้าที่ยังไม่มีโลโก้หรือฉลากของแบรนด์ทางโรงงานของเราก็พร้อมบริการ
- ออกแบบโลโก้ของแบรนด์ครีมกันแดด
- ออกแบบรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์และกล่องครีมกันแดด
- ออกแบบอัตลักษณ์ของแบรนด์ครีมกันแดด (Corporate Identity)
- เริ่มกระบวนการขั้นตอนการผลิตครีมกันแดด
เริ่มกระบวนการขั้นตอนการผลิตครีมกันแดด หลังจากมีการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด บรรจุภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ และฉลากสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางโรงงานจะทำการสั่งผลิตครีมกันแดด โดยจะใช้เวลาประมาณ 14-20 วันทำการ ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามจำนวนผลิตภัณฑ์ที่สั่งผลิต
- ลูกค้าชำระเงินส่วนที่เหลืออีก 50% เมื่อขั้นตอนการรับผลิตครีมกันแดดเสร็จสิ้น
เมื่อขั้นตอนการรับผลิตครีมกันแดดเสร็จสิ้นแล้ว ทางทีมพัฒนาจะตรวจสอบความเรียบร้อยของจำนวนสินค้า และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ว่ามีความเรียบร้อย พร้อมวางจำหน่ายหรือไม่ จากนั้นทางโรงงานจะขอให้ลูกค้าชำระเงินมัดจำในส่วนที่เหลือ 50% ก่อนดำเนินการจัดส่ง
- จัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
เมื่อได้รับชำระมัดจำครบแล้วนั้น ขั้นตอนสุดท้ายทางโรงงานจะทำการจัดส่งผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดทั้งหมดให้กับทางลูกค้า ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการผลิตครีมกันแดด
ครีมกันแดด มีกี่ประเภท ?
- สูตรครีมกันแดดประเภท Chemical Sunscreen
เป็นสูตรครีมกันแดดชนิดเคมี ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดดรังสี UVA และ UVB โดยจะทำการดูดซับรังสียูวีไว้ที่ชั้นผิวหนัง และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โดยครีมกันแดด Chemical จะมีส่วนผสมหลักเป็นสารเคมีที่ช่วยดูดซับรังสี UV ซึ่งสูตรครีมกันแดดนี้อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งสูตรครีมกันแดดแบบ Chemical ส่วนมากจะเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง แต่สารเคมีอาจเสื่อมสภาพระหว่างวันได้ จึงทำให้ต้องทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
- สูตรครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen
เป็นสูตรครีมกันแดดชนิดกายภาพ ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดดรังสี UVA และ UVB โดยการสร้างเกราะป้องกันบนผิวหนังเพื่อสะท้อนและกระจายรังสี UV ออกจากผิว โดยครีมกันแดด Physical มักใช้ส่วนผสมหลักเป็นแร่ธาตุธรรมชาติ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ทำให้ลดการระคายเคืองของผิว สูตรครีมกันแดดนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผิวแพ้ง่าย แต่มักจะมีค่า SPF ที่ไม่ค่อยสูง
- สูตรครีมกันแดดประเภท Chemical-Physical Sunscreen
เป็นสูตรครีมกันแดดแบบผสมผสาน โดยการนำข้อดีของ Physical Sunscreen และ Chemical Sunscreen มาใช้ร่วมกัน โดยจะมีทั้งสารที่ทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV และสารที่ช่วยดูดซับรังสี UV เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างครอบคลุม พร้อมช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนังได้ สูตรครีมกันแดดนี้จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว
ครีมกันแดดควรมี SPF และ PA ในปริมาณเท่าไหร่
ในการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด จะต้องคำนึงถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB หรือค่า SPF และค่า PA ดังนี้
ค่า SPF (Sun Protection Factor) เป็นตัวเลขที่บอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นต้นเหตุของผิวไหม้แดด ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ โดยการเลือกค่า SPF ของครีมกันแดดนั้น ควรเลือกจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน โดยปกติแล้วค่า SPF จะแทนค่าด้วยตัวเลข ดังนี้
- SPF 15 ขึ้นไป ป้องกันรังสี UVB ได้ประมาณ 93% เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานในออฟฟิศ หรืออยู่ในที่ร่ม
- SPF 30 ขึ้นไป ป้องกันรังสี UVB ได้ประมาณ 97% เหมาะสำหรับการอยู่กลางแจ้ง เช่น การเดินทาง หรือการทำงานที่ต้องเผชิญแดดบ่อย
- SPF 50 ขึ้นไป ป้องกันรังสี UVB ได้ประมาณ 98% เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญแสงแดดจัดเป็นเวลานาน เช่น เล่นกีฬา เดินป่า หรือว่ายน้ำ
ค่า PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นต้นเหตุของความเสียหายของผิวชั้นลึก ริ้วรอย และมะเร็งผิวหนัง โดยปกติแล้วค่า PA จะแทนค่าด้วยสัญลักษณ์ + ดังนี้
- PA+: ป้องกัน UVA ในระดับเบื้องต้น
- PA++: ป้องกัน UVA ในระดับปานกลาง
- PA+++: ป้องกัน UVA ในระดับสูง
- PA++++: ป้องกัน UVA ในระดับสูงมาก
ทริคในการเลือกสูตรครีมกันแดดให้เหมาะสม
- การเลือกสูตรครีมกันแดดสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในที่ร่ม หรือไม่ค่อยได้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ถึง SPF 30 และ PA++ ขึ้นไป หรือควรเลือกสูตรครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันแสงสีฟ้า เพื่อช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีที่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้ เช่น แสงแดด หลอดไฟ แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ
- การเลือกสูตรครีมกันแดดสำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือมีกิจกรรมที่ต้องเผชิญแดดบ่อย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ถึง SPF 50 และ PA+++ ถึง PA++++ ขึ้นไป เพื่อเป็นการป้องกันผิวจากรังสียูวี UVA และ UVB ได้อย่างเพียงพอ
- การเลือกสูตรครีมกันแดดสำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งตลอดเวลา หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50++ และ PA++++ ขึ้นไป และควรเลือกสูตรครีมกันแดดกันน้ำ (Water-Resistant) ที่นอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างยาวนานแล้ว ยังช่วยไม่ให้ประสิทธิภาพในการกันแดดนั้นไม่ลดลง แม้จะมีเหงื่อออก หรือโดนน้ำ
สร้างแบรนด์ครีมกันแดด ต้องมีเงินทุนเท่าไหร่?
อยากสร้างเริ่มสร้างแบรนด์ครีมกันแดด ต้องมีเงินทุนเท่าไหร่? หากต้องการผลิตสูตรครีมกันแดดควรเตรียมเงินทุนและเงินสำรองอย่างน้อย 20,000-30,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากการสร้างแบรนด์ไม่ได้จบแค่ขั้นตอนการผลิตสูตรครีมกันแดดเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ต้นทุนการผลิตครีมกันแดด อย่าง ค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด และผลิตสินค้า หรือการสั่งผลิตขั้นต่ำที่โรงงานกำหนด ค่าออกแบบและบรรจุภัณฑ์ ค่าโฆษณาและการตลาด ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและเอกสาร รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองอื่น ๆ
การเลือกสูตรครีมกันแดดให้ตรงกับความต้องการตลาด จะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถสร้างแบรนด์ครีมกันแดดให้ประสบความสำเร็จได้ สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดมือใหม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ทาง Pure Derima Laboratories โรงงานรับผลิตสูตรครีมกันแดด พร้อมให้บริการดูแลคุณแบบครบวงจร ตั้งแต่การเลือกสูตรครีมกันแดด ตลอดจนกระบวนการผลิต และการจัดส่งสินค้าพร้อมขายให้กับคุณ