BHA สารสกัดอันโด่งดังที่ใครเป็นสายสกินแคร์ต้องรู้จักแน่นอน BHA คือ สารสังเคราะห์ที่สกัดจากธรรมชาติ มักถูกนำไปเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ สามารถใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวตัว ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA เช่น ครีมบำรุงผิวหน้า, สบู่ล้างหน้า, เจลอาบน้ำ หรือบอดี้โลชั่น เป็นต้น โดยคุณสมบัติหลัก ๆ ของ BHA คือช่วยละลายต้นเหตุการอุดตันของสิว เหมาะสำหรับคนมีปัญหาเรื่องสิว อยากเคลียร์ให้หน้าใส ผิวกระจ่าง สว่างยิ่งขึ้น
ทำความรู้จัก BHA สารสกัดยอดฮิตที่มาแรงในผลิตภัณฑ์ลดสิว
BHA คืออะไร ทำไมถึงเป็นสารสกัดยอดฮิตที่อยู่ในสกินแคร์? BHA ย่อมาจาก Beta Hydroxy Acid เป็นสารสกัดธรรมชาติที่ได้จากเปลือกของต้นหลิวจีนและพริก ในวงการสกินแคร์รู้จักกันในชื่อกรดซาลิไซลิก โดย BHA มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ คล้ายกับสารในกลุ่มสารสกัดจากผลไม้ สำหรับคนที่อยากสร้างแบรนด์ตัวเอง โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดสิวอุดตัน ลดการอักเสบของผิว มักผลิตครีมที่มี BHA เป็นส่วนผสมหลัก เพราะจะช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องสิวได้เป็นอย่างดี
BHA และ AHA ต่างกันอย่างไร ทำไมต้องแยกผลิตภัณฑ์ใช้?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า AHA และ BHA ต่างกันยังไง ทำไมถึงใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยกันไม่ได้? แม้ว่า BHA และ AHA คือสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพแล้วเหมือนกัน แต่ก็มีคุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างกันอยู่ โดย BHA จะละลายได้ดีในน้ำมัน โดยสามารถแทรกซึมเข้าไปทำความสะอาดรูขุมขน และลดการอุดตันของไขมันต่าง ๆ หลายคนจึงเลือกใช้ BHA ผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่เป็นสิวอุดตัน
ซึ่งแตกต่างกับ AHA (Alpha Hydroxy Acids) ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติจากผลไม้ที่เป็นกรด ได้แก่ กรดซีตริก, กรดทาร์ทาริก, กรดไกลโคลิก, กรดมาลิก และกรดแลคติก เพราะ AHA จะมีประสิทธิภาพที่ดีเมื่อทำละลายกับน้ำ และคุณสมบัติหลักของการใช้ AHA คือช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยด่างดำให้จางลง มักอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Whitening
การทำงานของ BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว ละลายไขมันอุดตันในรูขุมขน
BHA ใช้ในการผลัดเซลล์ผิวได้ เนื่องจากเป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ จึงช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและลดการอักเสบของผิว อีกทั้งการที่ BHA สามารถละลายได้ดีในน้ำมัน มีโมเลกุลเล็ก จึงทำให้สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวและละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงเข้าไปละลายไขมันที่อุดตันในรูขุมขนซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว หากใช้ครีมที่มี BHA จะช่วยดันสิวออกมา แล้วค่อย ๆ ผลัดเซลล์ผิวที่เป็นสิว เผยผิวหน้าให้กระจ่างใสแทน
ประโยชน์ BHA ที่มีมากกว่าช่วยลดสิว
BHA ช่วยอะไร ทำไมถึงเป็นสารสกัดที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาดสกินแคร์? ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ BHA ในท้องตลาดอยู่มาก ทั้งครีมบำรุงผิวหน้าและผิวตัว แม้กระทั่งครีมอาบน้ำที่มี AHA และ BHA ก็มีเช่นกัน หรือหากใครเป็นสิวแล้วไปหาหมอผิวหนัง ผลิตภัณฑ์ที่จะได้รับคำแนะนำให้ใช้คือ โฟมล้างหน้าที่มี BHA เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในผิวก่อนที่จะลงสกินแคร์เป็นลำดับถัดไป แต่รู้หรือไม่ว่า การใช้ครีมที่มี BHA ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องสิวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อย่างอื่นมากมาย ดังนี้
- ช่วยรักษาผิวเป็นสิวและลดการอุดตัน
- ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและขจัดแบคทีเรีย
- ช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิว
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิว
- ช่วยลดปัญหารอยฝ้า-กระจากแสงแดด
- ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- รักษาส้นเท้าแตก ช่วยทำให้ผิวที่แห้งกร้านนุ่มขึ้น
BHA สกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัยต่อผิว หมดห่วงเรื่องผิวพัง
BHA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถสกัดได้จากเปลือกต้นหลิวจีน, พริก, ดอกกะหล่ำ, น้ำมันระกำ และเปลือกของบริชท์ แต่ที่นิยมมากที่สุดคือการสกัดจากเปลือกต้นหลิวจีนหรือเรียกว่า ต้น Willow หรือในทางการแพทย์เรียกว่า กรดซาลิไซลิก มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ในการผลัดเซลลืผิว ซึ่งนิยมใช้เป็นส่วนผสมสกินแคร์กันมาอย่างยาวนาน โดยสามารถเช็ก msds ของสาร BHA ได้เลยว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอนหากใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง
ใครเหมาะกับ BHA สภาพผิวแบบไหนถึงใช้ได้?
BHA จะได้รับการแนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว ผู้ที่มีสภาพผิวมันและผิวผสม ซึ่งเป็นผู้ที่มีโอกาสในการเกิดสิวง่าย เนื่องจากน้ำมันบนผิวชั้นนอกเยอะเกินไป การใช้ครีม BHA จะช่วยลดการอุดตันบนเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี เพราะ BHA จะเข้าไปทำความสะอาดไขมันอุดตันในรูขุมขน ช่วยลดสาเหตุการเกิดสิว รวมถึงช่วยลดการอักเสบของสิวด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำจากแดด ก็สามารถใช้เซรั่มที่มี BHA ได้
ข้อควรรู้ก่อนใช้ BHA เพื่อประสิทธิภาพที่เห็นผล
เนื่องจาก BHA มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ผู้ที่อยากเริ่มใช้ควรศึกษาวิธีใช้ BHA ให้ดีเสียก่อนเพื่อจะได้ใช้ให้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นควรใช้ครีมที่มี BHA ความเข้มข้นปริมาณ 0.5-2% ก่อน และควรทดสอบการแพ้บริเวณข้อพับ ใต้ท้องแขน หรือหลังใบหูก่อนใช้จริง หากมีอาการระคายเคืองควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
สำหรับมือใหม่อาจจะสงสัยว่า BHA ใช้ทุกวันได้ไหม ซึ่งวิธีใช้ BHA ที่ถูกต้องควรจะใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อน เพื่อให้ผิวได้ปรับตัว หลังจากนั้นค่อยเพิ่มเป็นใช้วันเว้นวัน และที่สำคัญ ผู้ใช้ควรรู้ว่า BHA ห้ามใช้กับอะไร เพราะหากใช้ด้วยกันก็อาจทำให้เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ เช่น BHA กับ Retinol ห้ามใช้คู่กันเด็ดขาด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน หากใช้คู่กันจะเป็นการเร่งปฏิกิริยาของสารให้ผลัดเซลล์ผิวไวขึ้น
อย่างไรก็ตาม BHA สามารถใช้คู่กับอย่างอื่นได้ เช่น Hyaluronic ฤcid หรือ Ceramides เป็นต้น ซึ่งทั้งสองเป็นส่วนผสมที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว เหมาะกับการใช้ร่วมกับ BHA ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวผลัดเซลล์ผิวที่สุด
สรุป BHA ดีอย่างไร ทำไมอยากหน้าใสไร้สิวต้องใช้ตัวนี้
BHA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่อันตราย และเป็นส่วนผสมยอดฮิตที่อยู่ในสกินแคร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องลดปัญหาสิว ผิวมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดสิว และลดการอุดตันต่าง ๆ ทำให้ผิวกลับมากระจ่างใสไร้รอยได้ถ้าหากใช้ถูกวิธี โดยข้อห้ามที่สำคัญในการใช้ BHA คือห้ามใช้ร่วมกับ Retinol เด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวอักเสบและระคายเคืองได้
ปัจจุบันสามารถเห็นสกินแคร์ที่มี BHA ได้ทั่วไป แต่ผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจหลายท่านก็ต้องระวังเรื่องของปลอมหรือการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ สำหรับใครที่สนใจธุรกิจเกี่ยวกับความงาม อยากสร้างแบรนด์ของตนเอง และหาโรงงานผลิตครีมแบบ OEM ที่ได้มาตรฐานอยู่ Pure Derima Laboratories เป็นโรงงานรับผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามแบบครบวงจร มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอดการผลิต มีมาตรฐาน ISO และ GMP สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
- Facebook page: Pure Derima Laboratories
- Website: Pure Derima Laboratories
- Tel: 02-285-4266 และ 061-656-1449
- Line: @PureDerima
- IG: PureDerima