ริ้วรอยคืออะไร ?
ริ้วรอยคือหนึ่งในปัญหาผิวยอดฮิตที่เกิดขึ้นได้กับหลายช่วงอายุ จากการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินที่ลดลง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทำให้ผิวหนังขาดความกระชับ และหย่อนคล้อยจนเกิดรอยเหี่ยวย่นหรือร่องลึกบนผิวหนังบนใบหน้า มักพบริ้วรอยได้บ่อยในบริเวณรอบดวงตา,หน้าผาก,ร่องแก้ม และรอบปาก โดยริ้วรอยสามารถรักษาได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตช่วยลดเลือนริ้วรอย หรือการทำหัตถการต่าง ๆ เพื่อลดเลือนริ้วรอย
ริ้วรอยเกิดจากอะไร ?
การเกิดริ้วรอยนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งภายใน และภายนอกที่ไปทำลายชั้นผิวหนังทำให้ผิวอ่อนแอ หรือ โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยมี ดังนี้
- ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดริ้วรอย
-
อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง
-
การสูญเสียความชุ่มชื้นในผิวทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
-
ฮอร์โมนลดลงในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทำให้ผิวบางลง และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
-
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดริ้วรอย
-
ตากแดดกลางแจ้งบ่อย แล้วไม่ทาครีมกันแดด ทำให้รังสี UVA และ UVB ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
-
ฝุ่นและสารพิษในอากาศทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เกิดริ้วรอยได้ง่าย
-
การแสดงอารมณ์บนใบหน้าบ่อย ๆ
-
การพักผ่อนน้อยทำให้ผิวไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่
-
การสูบบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและลดความยืดหยุ่นของผิว
รวมทั้งการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น การขาดการบำรุงผิวหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง จนผิวระคายเคือง และเสื่อมสภาพ ก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้เช่นกัน
สารสกัดคืออะไร ?
ผลลัพธ์จากกระบวนการสกัดเอาส่วนประกอบที่มีประโยชน์ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือสารประกอบทางชีวภาพอื่นๆ ออกมา โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีความเข้มข้นสูง เหมาะสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย ซึ่งสารสกัดนั้นก็มีทั้งสารสกัดจากธรรมชาติและสารสกัดแบบสังเคราะห์
สารสกัดจากธรรมชาติ คืออะไร ?
เป็นสารสกัดที่ได้จากการสกัดจากธรรมชาติ เช่น พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ โดยการใช้กระบวนการต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อแยกสารที่มีประโยชน์ออกมา
ประโยชน์ของสารสกัดจากธรรมชาติมี ดังนี้
-
ช่วยบำรุงและแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ลดเลือนริ้วรอย , ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เรียบเนียน
-
รักษาปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวอักเสบ
-
บำรุงเส้นผม ช่วยให้ผมแข็งแรง ไม่หลุดร่วง
-
บำรุงร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกัน
สารสกัดจากธรรมชาติมีข้อดีมี ดังนี้
-
มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารที่ได้มาจากธรรมชาติ
-
มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวและแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย
-
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-
ลดความเสี่ยงในการแพ้ของผู้ใช้งาน
สารสกัดจากธรรมชาติมีข้อเสียมี ดังนี้
-
คุณภาพของสารสกัดไม่สม่ำเสมอ
-
สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดเสื่อมสภาพได้ง่าย
-
ต้นทุนการผลิตสูงจากการที่ขั้นตอนการผลิตมีความซับซ้อน ละเอียดอ่อน
-
ประสิทธิภาพอาจไม่เท่าเทียมกับสารสังเคราะห์ในบางกรณี
สารสกัดสังเคราะห์ คืออะไร ?
คือสารที่ได้จากสารประกอบทางเคมีที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อผลิตสารสกัดที่มีความใกล้เคียงกับสารสกัดที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ในธรรมชาติ เพื่อให้สารสกัดที่ได้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น โดยประโยชน์ของสารสกัดสังเคราะห์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการ
สารสกัดสังเคราะห์มีข้อดีมี ดังนี้
-
มีความเสถียรสูงมากกว่าสารสกัดจากธรรมชาติ
-
ควบคุมคุณภาพได้ง่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอ
-
สามารถควบคุมปริมาณสารสกัดสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ได้
-
มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการผลิตสารสกัดจากธรรมชาติในบางกรณี
สารสกัดสังเคราะห์มีข้อเสียมี ดังนี้
-
สารสกัดสังเคราะห์บางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในผู้ที่แพ้ง่าย
-
สารสกัดสังเคราะห์บางชนิดอาจสะสมในร่างกายได้
-
สารสกัดสังเคราะห์บางชนิดอาจออกฤทธิ์รุนแรงเกินไป จนเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวลอกได้
-
ในบางบุคคลการใช้สารสกัดสังเคราะห์ระยะยาวอาจจะทำให้เกิดการดื้อยาได้
-
ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมได้ในการสกัดสารสกัดสังเคราะห์ในบางชนิด
สารสกัดช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างไร ?
สารสกัดที่สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยส่วนมาก ทำงานในการดูแลผิวหลากหลายด้าน แตกต่างกันออกไป ตามคุณสมบัติของสารสกัดนั้น ๆ โดยส่วนมากมีการทำงานที่มุ่งเน้นในการลดเลือนริ้วรอย ดังนี้
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
-
เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู และเรียบเนียน
-
ต้านอนุมูลอิสระปกป้องผิว และชะลอการเกิดริ้วรอย
-
ผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ลดเลือนริ้วรอย
-
ลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว
ด้วยการทำงานที่หลากหลายนี้เอง ทำให้สารสกัดในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยจึงมีความสำคัญมากในการฟื้นฟูผิวในหลายมิติ พร้อมกับการลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ
สารสกัดประเภทไหนนำมาผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยดีกว่ากัน ?
การเลือกประเภทของสารสกัดในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการผลิต และปัญหาหลักที่ต้องการที่จะแก้ไข การผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยสามารถใช้ได้ทั้งสารสกัดจากธรรมชาติ และสารสกัดสังเคราะห์ ซึ่งการใช้ทั้งสารสกัดจากธรรมชาติร่วมกับสารสกัดสังเคราะห์ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าได้ผลในการลดเลือนริ้วรอย จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยมีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้
แต่ทั้งนี้ควรศึกษาความเข้ากันได้ของสารสกัดลดเลือนริ้วรอยแต่ละประเภทก่อนที่จะนำมาใช้ในการผลิต รวมถึงเลือกปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสมในสารสกัดลดเลือนริ้วรอยแต่ละชนิดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ จากการทำปฏิกิริยากันของสารสกัด
รวมสารสกัดยอดนิยมที่นำมาผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
สารสกัดที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยมีหลายชนิดทั้งสารสกัดจากธรรมชาติ และสารสกัดแบบสังเคราะห์ ซึ่งสารสกัดลดเลือนริ้วรอยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ และกลไกการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสารสกัดที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยส่วนใหญ่ จะทำงานด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากมลภาวะและช่วยฟื้นฟูผิว โดยสารสกัดที่นิยมนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ช่วยในการลดเลือนริ้วรอย มีดังนี้
1.เรตินอล (Retinol)
เป็นสารสกัดสังเคราะห์ที่ได้มาจากวิตามิน A ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เรตินอลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ
คุณสมบัติของเรตินอล ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวแท้ ซึ่งการเพิ่มคอลลาเจนในผิวสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้
- เร่งการผลัดเซลล์ผิวทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกมา
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ลดขนาดรูขุมขน
- ช่วยลดการสร้างเมลานินในผิว
ข้อดีของการใช้เรตินอลในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งลดเลือนริ้วรอยแบบตื้นและลดเลือนริ้วรอยแบบลึก
- ปรับผิวให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ
- กระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว ทำให้ผิวสว่างขึ้น
- ลดจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง
ข้อควรระวังในการใช้เรตินอลในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ความเข้มขนของสารสกัดควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสูตร และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
- ควรปรับค่า pH ของผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยให้เหมาะสม
- เลือกสารกันเสียที่เข้ากันได้กับเรตินอล ที่จะไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
- ต้องมีกระบวนการผลิตที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
- เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสง เพื่อไม่ให้เรตินอลเสื่อมสภาพได้ง่ายและไม่ให้เรตินอลสัมผัสกับอากาศจนเสื่อมสภาพ
2.ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid)
หรือไฮยารูลอน เป็นสารสกัดสังเคราะห์ที่เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย ในการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิว ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอิ่มน้ำ ที่เป็นตัวการสำคัญในการช่วยในการลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติของไฮยาลูรอนิก แอซิด ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ไฮยาลูรอนิก แอซิดสามารถกักเก็บน้ำได้ดีมาก ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้นาน และเมื่อผิวชุ่มชื้นจะทำให้ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ จากการแห้งกร้านจางลง
- สร้างเกาะป้องกันผิว โดยการปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ทำให้ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการใช้ไฮยาลูรอนิก แอซิด ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ลดเลือนริ้วรอยจากความแห้งกร้าน
- ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยในระยะยาวจากการที่ผิวยืดหยุ่น
- ผิวดูอิ่มฟูและสดใสขึ้นทันทีหลังการใช้
- ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด
ข้อควรระวังในการใช้ไฮยาลูรอนิก แอซิด ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เลือกความเข้มข้นของไฮยาลูรอนิก แอซิดให้เหมาะสม เพราะหากความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
- เลือกขนาดโมเลกุลที่เหมาะสมกับการลดเลือนริ้วรอยจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะมีหลายขนาดโมเลกุล และแต่ละโมเลกุลจะซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกไม่เท่ากัน
- ตัวทำละลายที่ใช้ผสมควรที่จะไม่ทำปฏิกิริยากับไฮยาลูรอนิก แอซิด และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
- ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงและอากาศ เพื่อรักษาคุณภาพ
3.วิตามิน ซี (Vitamin C)
เป็นสารสกัดที่หาได้จากทั้งธรรมชาติ และจากการสังเคราะห์ มีความสำคัญมากในการลดเลือนริ้วรอย เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารสกัดที่ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้มีบทบาทสำคัญมากในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
คุณสมบัติของวิตามิน ซี ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย
- ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ทำให้ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้
- ปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV
ข้อดีของการใช้วิตามิน ซี ต่อในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยให้ผิวสว่าง กระจ่างใสขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอย
- ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และฝ้า
- ป้องกันผิวจากแสงแดดและมลภาวะ
ข้อควรระวังในการใช้วิตามิน ซี ผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เลือกความเข้มข้นของวิตามินซีที่เหมาะสม เพื่อลดการเกิดการระคายเคืองผิว และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เลือกสารกันเสียที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
- ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสง อากาศ และความร้อน เพื่อรักษาความคงตัวของวิตามินซี
- ตัวทำละลายที่ผสมกับวิตามินซีควรที่ไม่ทำปฏิกิริยากับวิตามินซี และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
4.สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract) เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติทางยาที่หลากหลาย ซึ่งว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมที่รู้จักกันดี เพราะถูกนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยด้วยเช่นกัน
คุณสมบัติของว่านหางจระเข้ ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- อุ้มน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากผิวแห้งได้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้
- ต้านการอักเสบ ลดอาการระคายเคือง
- สมานแผล ฟื้นฟูผิวได้ดี
ข้อดีของการใช้ว่านหางจระเข้ต่อในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงมีความอ่อนโยน โอกาสการแพ้มีน้อย
- เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมทั้งผู้ที่มีผิวบอบบางด้วย
- ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ทั้งลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูผิว
ข้อควรระวังในการใช้ว่านหางจระเข้ผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ควรมีกระบวนการผลิตที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
- ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงและอากาศ เพื่อรักษาคุณภาพของสารสกัดจากว่านหางจระเข้
- เลือกความเข้มข้นของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ที่เหมาะสม
5.สารสกัดชาเขียว (Green Tea Extract)
เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการลดเลือนริ้วรอย และการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ดีแล้วยังสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้อีกด้วย
คุณสมบัติของชาเขียว ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดเลือนริ้วรอยได้ดี
- ลดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ป้องกันผิวจากรังสี UV
ข้อดีของการใช้ชาเขียว ต่อในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ลดเลือนริ้วรอย
- ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดความแห้งกร้านที่เป็นสาเหตุเสริมในการเกิดริ้วรอย
- ลดจุดด่างดำและรอยคล้ำ
ข้อควรระวังในการใช้ชาเขียวผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เลือกความเข้มข้นที่เหมาะสม
- เลือกใช้ชาเขียวที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองคุณภาพ และการทดสอบความ เพื่อลดการใช้สารสกัดจากชาเขียวที่ปนเปื้อน
- บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงและอากาศ เช่น ขวดทึบแสง หรือระบบปั๊มสุญญากาศ
6.สารสกัด Bakuchiol
เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากในผู้ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย แต่มีผิวบอบบาง เนื่องจากบาคูชิออลมีคุณสมบัติคล้ายกับเรตินอล ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดเลือนริ้วรอย แต่มีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า จึงก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า
คุณสมบัติของ Bakuchiol ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระชับให้ผิว
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ
- ปรับปรุงโทนสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น
ข้อดีของการใช้ Bakuchiol ต่อในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ลดเลือนริ้วรอยได้ดี
- อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
- ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง
- ไม่มีกลิ่นฉุน ใช้ได้ง่ายและสบายผิว
ข้อควรระวังในการใช้ Bakuchiol ผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เลือกวัตถุดิบ Bakuchiol ที่มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดโอกาสเกิดการระคายเคืองต่อผิว
- ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสงและอากาศ เพราะBakuchiol เป็นสารที่ไวต่อแสงและอากาศ
- ปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้มีค่า pH ที่เหมาะสม
7.สารสกัดโรสฮิปออยล์ (Rosehip Oil)
สารสกัดจากธรรมชาติ ที่เป็นส่วนผสมยอดนิยมที่มักนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย เพราะสามารถลดเลือนริ้วรอยได้ดี ด้วยคุณสมบัติจากน้ำมันที่โดดเด่นในการช่วยลดเลือนริ้วรอย และบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์
คุณสมบัติของโรสฮิปออยล์ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- เร่งการผลัดเซลล์ผิว
- สมานแผล และรอยแดงบนผิว
- ปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ข้อดีของการใช้โรสฮิปออยล์ต่อในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย
- ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
- ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และฝ้า
- ปกป้องผิวจากแดด
ข้อควรระวังในการใช้โรสฮิปออยล์ผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- ให้ความสำคัญกับการทดสอบความปลอดภัยของสูตรผลิตภัณฑ์ เนื่องจากโรสฮิปออยล์อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางประเภท
- หลีกเลี่ยงการผสมกับส่วนผสมที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูง
- ทดสอบความเข้ากันในสารสกัดอื่น ๆ กับสารสกัดโรสฮิปออยล์ในสูตรผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยที่ต้องการ
- เลือกใช้น้ำมันโรสฮิปที่ผ่านการรับรองคุณภาพ
- ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับสูตรผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
ระดับความเข้มข้นของสารสกัดมีผลต่อการลดเลือนริ้วรอยไหม?
ระดับความเข้มข้นของสารสกัดแต่ละชนิดที่ผสมลงผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย มีผลโดยตรงกับการลดเลือนริ้วรอย เนื่องจากสารสกัดแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการเลือกใช้สารสกัดลดเลือนริ้วรอยในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสม จะทำให้ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถเห็นผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยได้ชัดเจนหลังการใช้งาน
แต่อย่างไรก็ตามการใช้สารสกัดลดเลือนริ้วรอยที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ ดังนั้นก่อนการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย ควรเลือกระดับความเข้มข้นของสารสกัดลดเลือนริ้วรอยแต่ละชนิดให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่เกิดผลข้างเคียง
สารสกัดที่ควรหลีกเลี่ยงในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
ในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย อาจจะต้องหลีกเลี่ยงสารสกัดบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือพิจารณาการใช้สารสกัดลดเลือนริ้วรอยบางชนิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจนำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะสารสกัดลดเลือนริ้วรอยที่จะกระตุ้นให้เกิดการแพ้ หรือทำให้ผิวไวต่อแสง เพราะอาจจะก่อให้เกิดผิวระคายเคือง หรือปัญหาผิวที่รุนแรงอื่น ๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผู้สูงอายุ โดยสารสกัดที่ควรหลีกเลี่ยงในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย มีดังนี้
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) การใช้น้ำมันหอมระเหยบางชนิดอาจทำให้เกิดการแพ้ หรือการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย หากใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น อาการคัน ผื่นแดง ได้ หากผิวสัมผัสกับน้ำมันหอมระเหยในความเข้มข้นที่สูงเกินไป
- แอลกอฮอล์ (Alcohol) ในบางประเภทอาจจะทำให้ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ทำให้ผิวแห้ง สูญเสียความชุ่มชื้น และระคายเคืองได้ โดยเฉพาะแอลกอฮอล์กลุ่มที่มีคุณสมบัติระเหยเร็ว เช่น Isopropyl Alcohol, Ethanol, Denatured Alcohol และ Methanol ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดขึ้นได้ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง และผิวที่บอบบาง
แต่อย่างไรก็ตามก็มีแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัย และอ่อนโยนต่อผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ เช่น Cetearyl Alcohol, Stearyl Alcohol และ Cetyl Alcohol
ดังนั้นหากผู้ผลิตต้องการผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยที่จะใช้แอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม อาจจะต้องพิจารณาประเภท และความเข้มข้นให้ดีก่อนการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย
- สารกันเสีย (Preservatives) สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และจุลินทรีย์ ในผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยได้ แต่สารกันเสียบางชนิด เช่น Parabens และ Formaldehyde-releasing agents อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือส่งผลต่อสุขภาพเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานได้
หากผู้ผลิตต้องการใช้สารกันเสียในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย ควรใช้สารกันเสียที่ได้รับการรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว หรือสารกันเสียจากธรรมชาติจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในระยะยาว
- กรดซัลฟิวริก (Sulfur) หรือกำมะถัน เป็นส่วนผสมที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยเฉพาะสำหรับการรักษาสิว เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมความมัน และยับยั้งแบคทีเรียได้ดี แต่ในบางบุคคลอาจกรดซัลฟิวริกอาจทำให้เกิด ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง อีกทั้งยังสามารถทำให้เกิดอาการแสบ แดง หรือผื่นได้ในบางบุคคล
- สีและกลิ่นสังเคราะห์ (Synthetic Dyes and Fragrances) อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนัง เช่น การระคายเคือง, อาการแพ้, หรือ ผื่นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย อีกทั้งกลิ่นสังเคราะห์บางชนิดอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายในระยะยาวได้
การเลือกสารสกัดที่เหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอย การเลือกสารสกัดที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยพร้อมกับความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตควรคำนึงถึง เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียง ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่ายสามารถลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
สารสกัดที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดเลือนริ้วรอยมีมากมายหลายชนิด ซึ่งสารสกัดลดเลือนริ้วรอยแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยการทำงานของสารสกัดลดเลือนริ้วรอยส่วนมาก จะมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และต้านอนุมูลอิสระ เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้อีกครั้ง
การเลือกสารสกัดสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยเป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของกิจการควรให้ความใส่ใจ เพราะมีรายละเอียดมากมายที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยที่ดี และความปลอดภัยของผู้บริโภค และเพื่อการลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยคุณภาพสูง Pure Derima Laboratories (PDL) พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยของท่าน ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการรับรองระดับสากลทั้ง ISO และ GMP ที่จะผลิต ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์หรือครีมลดเลือนริ้วรอยที่ดี มีคุณภาพ และปลอดภัย พร้อมจัดจำหน่ายสู่ตลาด อย่างมั่นใจ